วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ธรรมะกับ"การเล่นหุ้น"

การเล่นหุ้นคือการแข่งกับตัวเอง
ต่อสู้กับใจของตัวเอง
ไม่ใช่แข่งกับเพื่อนๆๆ
หรือคนอื่นๆๆ
การเล่นหุ้นแบบมีธรรมะเป็นหลัก ประจำใจจะทำให้เกิดปีติ (ความอิ่มใจ ปลาบปลื้มใจ) ปราโมทย์ (ความร่าเริงเบิกบานใจ) ปัสสัทธิ (ผ่อนคลาย สงบ) สุข (ฉ้ำชื่นใจ) และสมาธิ (มีใจมั่นคง) แต่ถ้าเป็นการเล่นด้วยตัณหาเช่น อยากรวย อยากได้ จะมีแต่ความร้อนรุ่ม ความรู้สึกดีๆๆ เหล่านั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย มีความทุกข์จากสิ่งที่ตัวเองไม่มี ส่วนฉันทะ คือ ความชอบ รู้สึกมีความสุขจากสิ่งที่ตัวเองมี

ในหมู่การลงทุนทั้งหมด การลงทุนในหุ้นสร้างกิเลสได้มากที่สุด ทำให้จิตกระเพื่อมมากที่สุด ผัสสะ (จากข่าว ราคาหุ้น) ทำให้เกิด เวทนา (สุข ทุกข์) และก่อตัวเป็น ตัณหา (อยากซื้อ อยากขาย) พัฒนากลายเป็นอุปาทาน (ตัวกูของกู) ตามวงจร ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพชาติ มนุษย์สามารถใช้กำลังสติ ไปสกัดความรู้สึกช่วงระหว่างที่ผัสสะทำให้เกิดเป็นเวทนา หรือเวทนาเปลี่ยนเป็นตัณหาได้ เช่น เมื่อหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นจะเกิดสุขเวทนา และเกิดตัณหาอยากซื้อเพิ่ม เมื่อสั่งซื้อสำเร็จ ก็จะเกิดอุปาทาน หุ้นของกู ทำให้เกิด ภพ ชาติ ย่อยๆๆ ขึ้น จิตจะผูกพันกับราคาหุ้นตัวนั้นไปเรื่อยๆๆ จนได้พบกับอนิจจัง ทุกขังของราคาหุ้น และสุดท้ายจบลงด้วยการตัดสินใจขายหุ้นตัวนั้นออกไป หมดสิ้นภพชาติย่อยลงไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะขายด้วยสาเหตุใดก็ตาม กำไรหรือขาดทุน ก็จะเกิดอวิชชา คือสัญญาที่เจือไปด้วยกิเลสและอารมณ์ตามมา สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้เกิด สังขาร วิญญาณ และนามรูป เพื่อการเข้ามารับผัสสะในครั้งต่อไป คนที่เคยลิ้มรสชาติของการได้กำไรมาแล้วยากที่จะเลิกเล่นหุ้น และสำหรับคนที่ขาดทุนก็จะหาทางเอาคืน ดังนั้นคนที่หลงเข้ามาในวังวนนี้แล้ว ยากที่จะหลุดพ้นออกไปได้

คนเล่นหุ้นมีภพชาติย่อยๆๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา วันที่หุ้นพุ่งก็มีความสุขราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ บางวันก็ร้อนรุ่มปานอยู่ในนรก ส่วนวันที่ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง หรือวันเสาร์ บางวันก็ร้อนรุ่มปานอยู่ในนรก ส่วนวันที่ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง หรือวันเสาร์ วันอาทิตย์ก็กลับมาอยู่โลกมนุษย์ ได้เล่นกับลูก สังสรรค์กับเพื่อน พุ่งน้อยหน่อยก็ขึ้นชั้นดาวดึงส์ แต่ถ้าวันไหนหุ้นตกติดฟลอร์ จะได้ลงนรกขุมลึกสุดคืออเวจี วิธีแก้ไขก็คือ วันไหน ที่มีความสุขมากให้แยกสติออกมาเป็นผู้ดู สุขหนอ กำไรหนอ ก็แค่นั้นเอง ไม่เอาใจเข้าไปดื่มด่ำ เมื่อสามารถแยกตัวออกจากสุขได้ วันไหนทุกข์ก็จะแยกตัวออกมาจากมันได้เช่นกัน ยิ่งหลงไปกับสุขเวทนาตอนหุ้นขึ้นมากเท่าไร ก็จะเกิดทุกขเวทยสตอนหุ้นตกมากเท่านั้น คนเจ้าอารมณ์ที่ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ไม่ควรเล่นหุ้น เพราะจะทนทุกข์ทรมานราวกับอยู่ในนรกทุกวัน วันไหนหุ้นขึ้นก็จะเสียดายจนทุกข์ วันไหนหุ้นตกก็จะเสียใจ คนส่วนใหญ่หมดตัวกับหุ้นก็เพราะอารมณ์โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา เสียดาย เสียใจ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ตัดสินใจผิดจังหวะ ตลาดหุ้นในแต่ละวันก็มีอารมณ์เป็นของตัวเอง บางวันตลาดตื่นตระหนก บางวันอารมณ์ดี บางวันอารมณ์แปรปรวน คุณสมบัิตที่สำคัญของนักเล่นหุ้นคืออย่าเอาอารมณ์ตลาดเข้ามาเป็นอารมณ์ของตัวเอง อุเบกขาจึงเป็นหลักธรรมในพรหมวิหาร 4 ที่สำคัยของนักเล่นหุ้น ทำให้ไม่ปล่อยใจไปตามอารมณ์ของตลาด

พรหมวิหาร 4 คือ
อุเบกขา คือการรู้จักที่จะปล่อยวาง ในบางครั้งชีวิตของคนเราก็ต้องพบกับส่ิงที่ไม่อาจเข้าไปแก้ไขได้ เมื่อถึงเวลาต้องปล่อยก็ต้องปล่อย บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยตามกฎแห่งกรรม เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องรู้จักปล่อยวางไม่เอาใจเข้าไปรับ
Credit : หนังสือจิตของนักเล่นหุ้น โดยทันตแพทย์สม สุจีรา

กฎการเทรด 10 ข้อ

✨ กฏการเทรด 10 ข้อ และการอยู่รอดในตลาด ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจ ✨

📌  1. ความอยู่รอดคือจุดเริ่มต้น การเก็งกำไรเป็นธุรกิจที่เสี่ยงสูงมากๆ มันไม่เกี่ยวว่า เราจะชนะ หรือแพ้ มันเกี่ยวกับคำว่าเราจะอยู่รอดอย่างไร เมื่อตลาดอยู่ที่จุดต่ำๆ หรือจุดสูงๆ ถ้าคุณอยู่รอดไม่ได้ คุณไม่สามารถชนะได้
อย่างแรกสุดของการอยู่รอด คุณต้องมีแนวทาง หรือวิธีการเก็งกำไรที่ทำได้จริง
ข่าวลือ วงใน ความรู้สึกไม่ใช่แนวทางการเก็งกำไร โอกาสหรือพื้นที่ในการเก็งกำไรจะมาจากความจริงที่สามารถทำได้จริง
นักเก็งกำไรระยะสั้น และระยะยาวอาจมีแนวทางการทำกำไรต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือวิธีการ และเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้จริง
นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้เวลาเยอะมากในการซื้อ laptop แต่ตัดสินใจเร็วมากในการวางเงินเดิมพันจริงๆ ในตลาดทุน
ปัญหาโดยทั่วไป คือมีเทคนิคเยอะมากที่มันใช้ทำเงินจริงๆไม่ได้ เขาแนะนำได้อย่างนึงคือ คุณต้องใช้เวลาให้มากหน่อยในการเรียนรู้ และตัดสินใจในการเข้าเก็งกำไร ในช่วงวิกฤตต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะมี การบริหารเงินที่ดี MM มีระบบที่ดี มีรูปแบบการเก็งกำไรที่ทำได้จริง แต่คุณก็ยังต้องควบคุมตัวเองให้ได้อยู่ดี

📌 2. ทั้งหมดนี้ มันคือเกมส์ของอารมณ์ และมันจะเป็นไปตลอด อะไรก็แล้วแต่ที่มันเกี่ยวข้องกับเงิน และยิ่งเป็นเงินของเรา มันทำให้เราตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล ความกลัว อารมณ์ต่างๆทำให้นักเทรดเดอร์ทั้งหลายพลาดกับการลงทุนที่ดี หรือเขาเดิมพันที่สูงมาก เมื่อการบริหารเงินถูกคอบงำโดยอารมณ์ โดยปราศจากเหตุผล

📌 3. ความโลภ เมื่อความโลภมีผลต่อเรามากกว่าความกลัว มาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อคุณเป็นนักเก็งกำไร คุณจะมีความกลัวลดลงกว่าคนทั่วไป เพราะคุณถูกดึงดูดในเรื่องการทำเงินให้ได้ ในขณะที่คนอื่นจะกลัวการขาดทุน
ความโลภเป็นอุปสรรคต่อนักเทรดทั่วไป ความโลภจะทำให้คุณมีความหวังหลงเหลือ ความโลภจะทำให้คุณผลีผลามเข้าในจังหวะที่เสียเปรียบ และออกเร็วเกินไป ความหวังคือศัตรูตัวหลักเพราะมันทำให้คุณฝันถึงกำไรมหาศาล
และออกไปสู่โลกแห่งความฝัน เชื่อผมเถอะ !!! โลกของการเก็งกำไร มันมีจริง และคนมากมายศูนย์เสียเงินที่ตัวเองเก็บมาทั้งชีวิต ชีวิตคู่พัง ครอบครัวแตกแยก จากการได้เสียอย่างมากมายในตลาดนี้
แน่นอน การชนะของเราที่เกิดจากการเก็งกำไร อาจจะชั่วครั้ง ชั่วคราว มันพร้อมจะจากเราไป เหมือนกับเราถูกฟ้องล้มละลาย หรือโกงเลยทีเดียว
ผมไม่สามารถบอกวิธีที่แน่นอนในการจัดการกับความโลภได้ แต่สิ่งที่ผมบอกคุณได้อย่างเดียวคือ คุณต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ไม่งั้นคุณจะไม่มีทางรอดจากตลาดแน่นอน

📌 4. ความกลัว
ความกลัวเป็นสาเหตุ ให้คุณไม่กล้าทำในสิ่งที่คุณควรจะทำ ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อ ความได้เปรียบมาถึง แน่นอนมันตรงข้ามกับความโลภที่เป็นสาเหตุให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
นักจิตวิทยาบอกว่า ความกลัวทำให้คุณไม่กล้าขยับ ถึงแม้โอกาสที่ดีจะวิ่งเข้าหาคุณอย่างมากมายขนาดไหน แต่พวกเขาก็จะมองผ่าน และไม่ทำอะไรกับมันเลย และแย่ยิ่งกว่านั้นคือเขาพลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว ถ้าถามผม ผมก็ไม่รู้
แต่ผมบอกได้อย่างเดียวคือ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผมกลัวมากเท่าไหร่ โอกาสชนะของผมที่จะได้กำไรกลับมีมากขึ้น นักลงทุนทั่วไปกลัวและเอาตัวเองมาจากตำแหน่งที่ได้เปรียบ

📌 5. Money management คือการสร้างความมั่นคั่ง
แน่นอน คุณสามารถทำเงินจากการเป็นเทรดเดอร์ หรือ นักลงทุนก็ได้ แต่ผมบอกได้เลยว่ากำไรส่วนใหญ่มันไม่ได้มาจาก เทคนิคการเทรด รูปแบบการลงทุน มากเท่ากับวิธีการบริหารเงิน หรือการจัดการเงิน
ผมยกตัวอย่าง ผมทำเงินจาก $10,000 เหรียญเป็น 1 ล้านเหรียญใน 1 ปี ในการแข่งขันรายการนึงด้วยเงินจริง ด้วยวิธีง่ายๆคือ เมื่อกำไรเยอะขึ้นคุณก็เทรดเยอะขึ้น และเมื่อกำไรลดลงคุณก็ต้องเทรดด้วยสัญญาที่น้อยลง
และ 10 ปีต่อมา ลูกสาวเขาอายุ 16 ปี ก็ชนะรางวัลการเทรด โดยทำเงินจาก 10000 เหรียญ เป็น 1 แสนเหรียญ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีสูตรลับใดๆ ไม่มีกราฟมหํศจรรย์ใดๆ เธอแค่ทำตามรูปแบบการบริหารเงินเหมือนที่ผมได้ทำ

📌 6. การทำกำไรมหาศาล ไม่ได้มาจากการเดิมพันที่สูง
มีเรื่องราวมากมายของนักเทรด อย่าง jesse livermore, john gates, niederhoffer, frankie joe และอีกมากมาย คนพวกนี้เดิมพันสูงมาก และสูญเสียเงินตัวเองหมดในท้ายที่สุด
การลงทุน หรือเก็งกำไรที่ฉลาดจะไม่เดิมพันสูง และไม่มีทาง ทำไมเหรอ คุณสามารถชนะ และทำกำไรมหาศาลเมื่อคุณเดิมพันไม่เยอะ กลับไปดูข้อ 5 ท้ายที่สุด เมื่อคุณเดิมพันสูง เวลาคุณเสีย คุณก็เสียเยอะเช่นกัน
มันเหมือนการเล่น รูเร็ต คุณสามารถเล่นได้บ่อยโดยคุณไม่แพ้เลย แต่ถ้าคุณเล่นบ่อยมากเท่าไหร่ บ่อยจนเพียงพอต่อผลลัพธ์อันเดียวที่คุณไม่มีทางหนีได้ คือ จุดจบ ความตาย และเมื่อคุณเดิมพันสูง คุณก็จะหมดตัวเช่นกัน ตัวผมก็เคยผ่านมาแล้ว เชื่อผมเถอะ
ผมเดิมพันน้อยลง ควบคุมความเสี่ยงให้ได้ ไม่มีวิธีใดหรอกที่จะอยู่รอดในตลาดโดยปราศจากการควบคุมความเสียหาย

📌 7.พระเจ้าอาจช้า แต่พระเจ้าไม่เคยปฏิเสธ
ผมไม่เคยรู้เลย เมื่อไหร่ผมจะทำเงินได้ มันอาจจะเป็นการเทรดครั้งแรก หรือครั้งสุดท้ายของผมเองก็ได้ แต่คุณต้องเตรียมรบ ให้ได้นานที่สุด
ผมคิดว่าความเชื่อในเรื่องของพลัง คือ ปัจจัยในการสำเร็จของนักเทรด มันช่วยให้เรามีวิสัยทัศน์ในการเก็งกำไร
-.- เริ่มง่วง สรุปคร่าวๆ ขอให้เรามีพยายาม และเชื่อในพลังในตัวเอง และมุ่งมั่น ความสำเร็จจะตาม

📌 8. ผมเชื่อเสมอว่า การเทรดในปัจจุบัน ผมจะขาดทุน
อันนี้คือเคล็ดลับความเชื่อในการเก็งกำไร ให้ประสบความเสำเร็จของผมเลยทีเดียว นักเทรดทั่วไป เชื่อเสมอว่า เทรดครั้งต่อๆไป ในอนาคตพวกเขาจะเทรดได้ดีขึ้น และจะเป็นผู้ชนะ
แต่ไม่ใช่ผม !!! ผมเชื่อว่า หลักๆแล้ว หลักการจริงๆแล้ว คือการเป็นผู้แพ้ ผมถามคำถามคุณ คุณคิดว่า ผมที่มี stop อย่างผม และเทรดอย่างถูกต้อง หรือคนที่เทรดด้วยความเชื่อโดยปราศจากเหตุผล คุณคิดว่าใครจะแพ้
ระหว่างผม หรือ คนที่คิดในแง่ดี
ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ผมจะบอกคุณว่าการที่ผมคิดว่าผมเป็นผู้แพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมจะปกป้องตัวเอง ในทุกรูปแบบ และทุกเวลา และผมจะไม่อยู่ในความหวัง และความไม่จริง

📌 9. โชคจะมาหาคุณจากการเพ่งความสนใจเพียง 1 ตลาด หรือ 1 เทคนิค
คนที่เทรดหลายๆอย่าง จะไม่ประสบความสำเร็จในการเทรด ทำไม? นักเทรดจะต้องตั้งใจในรายละเอียดของการเทรด โดยปราศจากอารมณ์
การไขว้เขว้อาจหมายถึงต้นทุนคุณที่เพิ่มขึ้น ขาดการใส่ใจ นั่นจะทำให้คุณ ไม่ได้เข้าในจุดที่ควรจะเข้า หรือเพิกเฉยในการเทรดซึ่งนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้น
เหมือนกับพวกที่โยนบอลขึ้นไปในอากาศ มันค่อนข้างยากที่คุณจะควบคุมบอลที่โยนขึ้นไปอากาศ อย่างเช่นบอล 3 ลูก แน่นอนคุณอาจจะฝึกได้ แต่เมื่อเพิ่มลูกบอลขึ้นเรื่อยๆ น้อยคนมากๆที่จะทำได้ และควบคุมลูกบอลพวกนี้ได้
ดูอย่างพวกนักกีฬาสิ พวกเขามุ่งมั่นอยู่แค่กีฬาอย่างเดียว หรือพวกศิลปิน นักดนตรี ไม่มีหรอกที่จะเป็นดาวดังจากการร้อง country western and opera ดังนั้น ยิ่งคุณมุ่งมั่นได้มากเท่าไหร่ในสิ่งที่คุณทำ คุณจะยิ่งประสบความสำเร็จมากมายในด้านนั้นๆ

📌 10. เมื่อสงสัย ให้กลับไปอ่านข้อหนึ่งใหม่
มีเวลาจะมา edit ใหม่ช่วงหลังง่วงๆ อาจแปลงงบ้าง ^^
BOYLES
ที่มา LARRY WILLIAMS

cahttradingview

AAPL ชาร์ต โดย TradingView